ไฟฉุกเฉินมอไซค์ ทำเองได้ง่ายๆทุกรุ่นทุกยี่ห้อ แค่รู้วงจรของไฟ!!!

ไฟฉุกเฉินมอไซค์ สำหรับคนที่ชื่นชอบสองล้อแล้ว มักจะชอบปรับชอบแต่งรถสุดที่รักของตัวเองในแบบต่างๆแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนกันไป โดยเฉพาะในเรื่องของระบบสัญญาณไฟต่างๆ

วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีทำไฟฉุกเฉินหรือไฟผ่าหมากที่เราเรียกๆกันอยู่โดยทั่วไป
ในแบบฉบับ D.I.Y. กันครับ หลายๆคนก็อาจจะมีวิธีของตัวเอง และทำกันไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคนที่อาจจะยังไม่เคยทำ ยังไม่เข้าใจในระบบ หรืออาจจะทำแบบง่ายๆแต่ไม่เต็มระบบกัน ลองมาดูวิธีของผมดูครับ เผื่อจะนำไปปรับใช้หรือลองทำลองทดสอบกันดู

ส่วนจะเอาไปใช้กันแบบไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนะครับ อย่าลืมเรื่องกฎจราจรและการใช้งานด้วย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไฟฉุกเฉิน อันนี้ก็ต้องดูความเหมาะสมกันด้วยนะครับ

หลักการทำไฟฉุกเฉินของผมก็คือ ทำให้เหมือนกับรถยนต์เลยครับ รถยนต์ใช้ไฟฉุกเฉินยังไง เราก็ใช้อย่างนั้น ส่วนลูกเล่นต่างๆก็แล้วแต่เราจะใส่ไป หรือเรียกง่ายๆว่า เราจะทำไฟฉุกเฉินเต็มระบบกัน

ไฟฉุกเฉินเต็มระบบคืออะไร ยังไง ไม่ต้องทฤษฏีอะไรมากมายครับ เอาให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ในขณะที่เราเปิดไฟเลี้ยวอยู่ หากเราเปิดสวิตซ์ไฟฉุกเฉิน ระบบก็จะเปลี่ยนมาเปิดไฟฉุกเฉินได้เลย และเมื่อเราปิดสวิตซ์ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยวที่เราได้เปิดไว้ก่อนหน้านี้ก็จะติดตามปกติครับ ประมาณนี้ครับ สำหรับไฟฉุกเฉินเต็มระบบในความหมายของผม

เริ่มต้นกันที่อุปกรณ์ที่ต้องมี ในการต่อ ไฟฉุกเฉินมอไซค์

1.  รีเลย์ ปรับแต่งกล่องไฟ  ใช้ 2 ตัว

2.  รีเลย์ไฟเลี้ยวแบบธรรมดาไม่มีเสียง(ใช้เปลี่ยนกับของเดิมติดรถ)

3.  สวิตซ์เปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน (กรณีอยากให้สวิตซ์ไฟฉุกเฉินกระพริบไฟตามให้พ่วงสายไฟไปที่ขา 87 ของรีเลย์ตัวที่1 โดยใช้สวิตซ์ไฟ 12V. 3 ขาครับ)

4.  สายไฟเบอร์หรือขนาดเท่าของมอไซต์เลือกสีกำหนดสีตามสะดวก

5.  หัวแร้งและตะกั่วบัดกรี

6.  ท่อหด(หรือเทปพันสายไฟก็ได้แล้วแต่ความสวยงามของแต่ละคน)

7.  เทปพันสายไฟ

ส่วนขั้นตอนการติดตั้ง และวางตำแหน่งอุปกรณ์แล้วแต่ความชอบเลยครับหรือจะอิงตามวิธีของผมก็ได้ครับ

อธิบายง่ายๆตามภาพการต่อไฟฉุกเฉินมอไซค์

1. เมื่อเปิดสวิตซ์กุญแจรถ จะมีไฟโชว์สถานะของเครื่องยนต์ติดอยู่ประมาณ 3-5 วินาที สำหรับรถหัวฉีด (ถ้าเป็นคาบูข้ามข้อ 1. ไปได้เลยครับ)
2. เปลี่ยนรีเลย์เป็นแบบธรรมดา ที่ไม่มีเสียงติ๊กต่อก (ถอดของเดิมออกแล้วใส่ตัวธรรมดาเข้าไปแทน)
3. ใช้รีเลย์เป็นสวิตช์เชื่อมต่อเพื่อให้รีเลย์ไฟเลี้ยวทำงาน
4. รีเลย์ตัวนี้จะเป็นตัวเชื่อมไฟเลี้ยวซ้ายขวาเข้าด้วยกัน

หลักการทำงานก็คือ
เมื่อเราเปิดสวิตซ์ไฟฉุกเฉิน ก็จะทำให้ไฟลงกราวด์ ไฟก็จะวิ่งครบวงจร รีเลย์ทั้ง 2 ตัวจะทำงาน พร้อมกัน
รีเลย์ตัวที่ 1 จะเป็นตัวทำให้รีเลย์ไฟเลี้ยวทำงาน ส่วน
รีเลย์ตัวที่ 2 จะเป็นตัวเชื่อมไฟเลี้ยวให้ทำงานทั้ง ซ้าย-ขวา และก็เป็นตัวตัดวงจร ไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา ไม่ให้ทำงาน ในขณะที่เราจะใช้ไฟเลี้ยวซ้ายหรือไฟเลี้ยวขวา

ในขณะที่ใช้ไฟ เลี้ยวซ้ายหรือขวา หากต้องการเปิดไฟฉุกเฉิน ก็เปิดสวิตซ์ไฟฉุกเฉินได้เลย ระบบ ไฟฉุกเฉินก็จะทำงานปกติ และเมื่อปิดไฟฉุกเฉิน ก็จะกลับเข้าสู่ระบบไฟเลี้ยวเหมือนเดิม ความพิเศษคือ วงจรสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องปิดหรือเปิดไฟเลี้ยว

ตัวอย่างคือ ถ้าเราเปิดไฟเลี้ยวอยู่ก็สามารถเปิดไฟฉุกเฉินได้เลยโดยไม่ต้องปิดไฟเลี้ยว

ประมาณนี้ครับ ลองไปต่อกันดูครับ ผมทำเบอร์ทำขาไว้ให้หมดแล้ว แค่ต่อตามนี้ก็ใช้งานได้แล้วครับ เสริมอีกนิดนะครับ จากข้อ 1 ตามภาพ ไฟจากกล่อง CDI มาหาหลอดไฟเช็คเครื่องยนต์ที่แสดงอยู่หน้าเรือนไมล์รถนั้น  ให้เช็คหาสายไฟเส้นที่ไม่มีไฟนะครับเพื่อต่อเป็นเส้นลบตามวงจร จะเช็ควิธีไหนก็ได้ แต่อย่าต่อผิดเส้นเด็ดขาด ไม่งั้นกล่อง CDI อาจจะมีปัญหาได้ อันนี้ต้องดูดีๆกันหน่อยนะครับ

การต่อไฟฉุกเฉินมอไซค์

วงจรไฟฉุกเฉิน(ผ่าหมาก) ครับพี่ๆทั้งหลาย ก็ไม่มีอะไรมาก ไม่ยุ่งยาก แค่เปิดโคมไฟหน้ารถออก แล้วหาชุดสายไฟเลี้ยว จากนั้นทดลองเปิดไฟเลี้ยว จะเป็นซ้าย-หรือขวา ก็ได้ มองดูหลอดไฟจะกระพริบ จากนั้นให้ทดลองดึงขั้วต่อสายไฟเลี้ยวออก ถ้าถูกเส้น ไฟจะดับ เมื่อพบแล้วจำเอาไว้ว่าเป็นสายสีอะไร จากนั้นก็ทำแบบเดียวกันอีกข้างนึง เมื่อพบแล้วก็ต่อขั้วเข้าที่เดิม จากนั้นหาสายไฟมาหนึ่งเส้น แล้วต่อขั้วทั้งสองของไฟเลี้ยวด้วยสายไฟเส้นใหม่ ถ้าถูกต้อง ไฟจะกระพริบพร้อมกันทั้งหน้า และหลัง เมื่อทดลองเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเอาจริง ก็มีสวิตช์โยก3ขา1ตัว สายไฟยาวพอใช้งาน การติดตั้ง เราจะติดตั้งอย่างไรก็ได้ตามถนัดของเรา จากนั้นก็ต่อ สายไฟไปที่ขั้วไฟเลี่ยวในโคมไฟหน้ารถ ทีนี้ไม่ว่าเราจะเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา เมื่อเราโยกสวิตช์ให้สายไฟต่อกัน ไฟเลี้ยวก็จะกลายเป็นไฟฉุกเฉิน

การต่อวงจรไฟผ่าหมากหรือไฟฉุกเฉินตามที่เราเรียกกันก็สามารถต่อกันเองได้ ตามแบบของวงจร สามารถทำได้กับรถทุกรุ่นแล้วแต่ที่เราจะถนัดทำหรือมุมที่จะเก็บสายไฟให้สวยงามในการใช่งานของเราเอง

นี่คือ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ที่เรานำมาฝากในวันนี้นะครับ สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเกร็ดความรู้เรื่องไหนมาฝากเพื่อนๆ กันอีกอย่าลืมติดตามทาง Tzarbikeshop ได้เลยนะครับ นอกจากนี้ หากท่านใดมีข้อสงสัยตรงไหนหรือสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ทุกคนสามารถพิมพ์คอมเม้นไว้ด้านล่างได้เลยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลและภาพ :https://shorturl.asia/F2Nt9
เรียบเรียงโดย :https://shorturl.asia/hLOdW
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบิ๊กไบค์ได้ที่ : Tzarbikeshop – อะไหล่บิ๊กไบค์

ใส่ความเห็น