Damon Hypersport ซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในงาน CES 2020 อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง จนผงาดคว้ารางวัล นวัตกรรมยอดเยี่ยม Best of Innovation Awards ไปครองทันที
ได้รับการพัฒนาโดย Damon Hypersport แบรนด์ผู้ผลิตจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และเป็นบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งได้นำระบบ CoPilot เรดาร์อัจฉริยะที่คอยตรวจจับวัตถุรอบ ๆ ตัวรถแบบ 360 องศา และส่งสัญญาณแจ้งเตือนอันตรายเมื่อมีอะไรเข้าใกล้ ผ่านแฮนด์บาร์และไฟ LED บนกระจกหน้ารถ พร้อมกล้องมองด้านหลังความละเอียด 1080p
นอกจากนี้ยังมีระบบ Shift ที่เปลี่ยนระหว่างโหมด Sport และโหมด Commuter ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ซึ่งตัวรถจะปรับตำแหน่งของเบาะนั่ง ที่พักเท้า ชิลด์หน้า และแฮนด์บาร์ ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในหลาย ๆ รูปแบบ
Table of Contents
ด้านขุมพลัง Damon Hypersport
จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังมากถึง 160kW หรือประมาณ 214 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3 วินาที ทำความเร็วได้สูงสูง 321 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 21.5kWh ใช้เวลาชาร์จไฟ 3 ชั่วโมง/ครั้ง วิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 200 ไมล์ หรือประมาณ 321 กิโลเมตร
Hypersport มีอัตราเร่งและราคาค่อนข้างใกล้เคียงกับ Harley-Davidson LiveWire 2020 ซึ่งเป็นบิ๊กไบค์ไฟฟ้าเหมือนกัน แตกต่างแค่แรงม้าและสไตล์ของรถเท่านั้น คงต้องดูกันว่าเทคโนโลยีของค่ายไหนตอบโจทย์ผู้ขับขี่มากที่สุด
ในด้านของประสิทธิภาพการใช้งานนั้น ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 20 kW ระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นขุมกำลังหลัก โดยที่มอเตอร์ตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่า Zero S/F (14.4 kW) H-D LiveWire (15.5 kW) และเป็นรองเพียง Energica Ego ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 21.5 kW โดยที่แบตเตอรี่ของเจ้า Hypersport Pro นั้นสามารถให้กำลังไฟสูงสุดได้ถึง 150 kW ซึ่งส่งผลให้ตัวรถนั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้แตะ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (321.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยที่แบตเตอรี่หนึ่งก้อนนั้นสามารถวิ่งทำระยะแบบเต็มสปีดได้มากถึง 200ไมล์ (321 กิโลเมตร) หรือจะวิ่งไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตเมืองก็จะเพิ่มระบบในการวิ่งได้สูงสุดถึง 300 ไมล์ หรือประมาณ 482 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
มอเตอร์ไซค์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี anti-crash tech แบบใหม่นี้ถึง 27 เท่า และ Damon เคลมว่าจนถึงตอนนี้ Damon เป็นผู้ผลิตรายเดียวที่อุทิศตัวเองให้กับเทคโนโลยีที่ลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุนี้
Hypersport Pro
จึงมาพร้อมกับเทคโนโลยี CoPilot ซึ่งยังไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่ได้เอง มอเตอร์ไซค์จะตรวจสอบสภาพถนนและสภาวะแวดล้อมผ่านเซ็นเซอร์ กล้อง และเรดาร์แบบเดียวกับที่จะพบได้ในรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยใช้งานอยู่
ระบบตรวจจับและป้องกันการชนกันด้านหน้าจะส่งสัญญาณเป็นการสั่นสะเทือนผ่านมือจับถ้ามีคนเดินผ่านหรือสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้ารถและผู้ขับขี่อาจจะกำลังขับขี่อยู่ในจุดอับสายตา รถจะขึ้นสัญญาณไฟเตือนบนหน้าจอ aero ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหลังผู้ขับขี่จะถูกตรวจจับและส่งภาพไปยังหน้าจอ LCD ด้านหน้าด้วยเช่นกัน Damon เรียกระบบนี้ว่า การตรวจสอบการจราจรแบบ 360 องศา
นอกเหนือการดูแลความปลอดภัยแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นหนึ่งที่น่าสนใจ ที่จะทำให้คุณเป็น Marc Marquez ในเวอร์ชั่นของตัวคุณเองได้ คือปุ่มกด หนึ่งปุ่มที่จะปรับระดับความสูง-ต่ำอัตโนมัติตามการใช้งานที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ โดยจะปรับระดับ ชุดแฮนด์บาร์ ที่นั่ง และที่พักเท้า ระหว่างโหมด Touring หรือโหมด sport โดยสามารถใช้งานและปรับระดับได้ระหว่างที่กำลังขับขี่อยู่
ยังไม่มีการพูดถึงปริมาณไฟฟ้าที่จะถูกใช้ ความจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ และยังไม่มีตัวเลขประสิทธิภาพ แต่นักวิเคราะห์ก็คาดหวังว่ามาก เพราะ Damon เลือกที่จะใช้คำว่า Hypersport ไปตั้งเป็นชื่อรุ่นมอเตอร์ไซค์ของพวกเค้า (ที่มา Electricmotorcycles news,Topgear และ Damon)
โดยเปิดวางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น คือ Hypersport HS ราคา 24,995 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 756,000 บาท และรุ่นลิมิเต็ด Hypersport Premier ที่ผลิตมาแค่ 25 คัน (จองหมดแล้ว) ราคา 39,995 ดอลลาร์สหรัฐ
ขอบคุณข้อมูลและภาพ :https://www.autospinn.com/
ขอบคุณข้อมูลและภาพ :https://www.greatbiker.com/
เรียบเรียงโดย : Tzarbikeshop.com
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบิ๊กไบค์ได้ที่ : Tzarbikeshop – อะไหล่บิ๊กไบค์